วันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ความรัก... ก้าวเดิน

“ความรัก” ของคนเรา ก็มีเท้าเดินเหมือนกัน
เมื่อแรกเริ่ม . . . ความรักก็เดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
เพราะ . . . อยากจะถึงจุดหมายที่หวังไว้


คือ . . . ใครคนหนึ่งที่เรารู้สึกดีๆด้วย
เมื่อสมหวังแล้วความรักก็เดินไปเรื่อยๆ
. . . ไม่ต้องก้าวยาวและเร็ว
. . . เดินไปตามปกติและก้าวต่อไปเรื่อยๆ
. . . ในช่วงนี้ถ้าเดินเร็วไปอาจจะเจอหลุมและสะดุดได้
ก็คงจะต้องเดิน . . . อย่างระมัดระวัง
. . . และก้าวให้ได้จังหวะ . . . ที่เหมาะสม


แต่เมื่อถึงเวลา . . . ที่ความรักผิดหวังหรือจบลง
ความรัก . . . ก็จะเดินช้าลง
บางทีอาจจะช้า . . . ช้าจนเหมือนเราเดินถอยหลัง

เหมือนกับ . . . คนที่หกล้มแล้วขาเจ็บ
จะเดินไม่ถนัดนัก . . . ต้องรอเวลาเพื่อรักษาให้แผลที่เกิดจากการหกล้มหาย
แล้วค่อยก้าวเดินต่อไป . . . อย่างปกติ



ความรักก็มี step ในการก้าวเดินไปอย่างนี้เรื่อยๆ
ช้าบ้าง . . . เร็วบ้าง จนกว่าจะถึงวันหนึ่งที่เราได้เจอคนที่ใช่จริงๆ
วันนั้น . . . ความรักคงเดินต่อไปได้เรื่อยๆ

ถึงจะหกล้มบ้าง ตกหลุมบ้าง
แต่ . . . ก็ยังมีคนที่คอยประคอง คอยเดินไปด้วยกัน
ไม่ใช่หกล้มแล้ว . . . ต้องลุกเดินต่อด้วยตัวเองอีกต่อไป


เมื่อความรัก . . . ก้าวเดิน
เราจึงต้องก้าวตาม . . . อย่างระมัดระวัง
จะหกล้มบ้าง จะสะดุดบ้างก็ต้องพยายามลุกขึ้น
. . . และกลับมาเดินต่อไป ให้ได้ . . .

วันจันทร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ช่วงเวลาของความรัก



ช่วงที่ 1 : ความฝัน ตอนเริ่มคบกัน
แรกๆ คุณรู้สึกหลงใหลในตัวเขา จนไม่มีกะจิตกะใจจะทำอย่างอื่น คงเคยมีบ้างหรอก
ที่คุณเฝ้าแต่วาดรูปหัวใจมีศรปักอก แล้วสลักชื่อคุณกับเขาลงไป
เดินไปยิ้มไปคนเดียวด้วยความคิดถึงเขา เวลาคุยกับเพื่อน
ไม่พ้นเรื่องของเขาอีกนั่นแหละ จนเพื่อนๆ เบื่อหน่าย
ในช่วงที่คุณตกหลุมรักตอนแรกๆ ยากจะบอกได้ว่า
ความรักของคุณจะยืนยาวต่อไปหรือไม่ เพราะท่าทางพึงพอใจ
โดยเฉพาะรูปลักษณ์ภายนอก
โดยไม่คำนึงถึงความรักเท่าใดนัก
บางทีเขาอาจจะทำเรื่องที่เหลวไหลหรือแย่แค่ไหน
คุณก็มองไม่เห็น เพราะความหลงยังบังตาอยู่
แม้ความจริงเป็นสิ่งโหดร้าย
แต่เราต้องยอมรับ เมื่อคุณพบแต่เนิ่นๆ ว่า
เขาไม่ควรค่าแก่การที่คุณจะต้องเสียเวลากับเขา
ดังนั้นในตอนที่ความรักยังหวานชื่นอยู่นั้น
ต้องพยายามรักษาสมองให้ปลอดโปร่ง อย่ารักจนโงหัวไม่ขึ้น
คำถามง่ายๆ ที่คุณควรถามตัวเองเบื้องต้นก่อน เช่น
เขาอ่อนหวานไหม
อารมณ์รุนแรงหรือไม่ สิ่งที่เขาปฏิบัติต่อคุณ
เป็นสิ่งที่คุณชอบหรือเปล่า
ถ้าคำตอบคือ ไม่แน่ใจ
ก็ต้องทบทวนแล้วว่าความสัมพันธ์ของคุณจะเกิดปัญหา
ในอนาคตหรือเปล่า แต่ช่วงการตกหลุมรักอย่างเป็นบ้าเป็นหลังนั้น
ไม่ใช่ช่วงที่ยืนยาวนัก
บางครั้งหากความสัมพันธ์สนิทชิดเชื้อเกินไป
เกิดร้าวรานได้ง่าย และหนุ่มสาวหลายคู่ทีเดียวที่เลิกรากันในช่วงนี้

^_^ ....................................................................^_^

ช่วงที่ 2 : เผชิญความจริง
ช่วงนี้เป็นระยะที่คล้ายกับคุณร่อนจากฟ้ามาสู่ดิน
ถ้าคุณบินยิ่งสูงโอกาสตกลงมายิ่งแรง ซึ่งต้องเตรียมไอน์สไตน์ หรือแฟรงเกนสไตน์
มิฉะนั้นโอกาสที่คุณจะลุ่มหลง รูปลักษณ์ภายนอกเขาสูงกว่ามันสมองเขาแน่
จากตรงจุดนี้ คุณจะเห็นสิ่งที่ไม่อยากเห็น เช่น
เขาเล่าเรื่องตลกให้ฟังในขณะที่ข้าวยังเต็มปากอยู่
คุณเริ่มมองเห็นความไม่น่ารักเสียแล้ว คุณอาจพบเรื่องน่าเบื่อ
หรือไม่เข้าท่าหลายอย่างของเขา จุดบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ
ทำให้คุณเลิกรากับเขาได้
ทั้งที่ตอนแรกคุณประทับใจเขาไปหมด ทั้งรูปร่างหน้าตา
กิริยาท่าทาง การแต่งตัว
พอมาถึงช่วงนี้ ทำไปทำมา
หลายสิ่งหลายอย่างเริ่มขัดหูขัดตามากขึ้น
ขณะที่เขา ก็มีอาการไม่ต่างไปจากคุณเท่าใดนัก
ดังนั้นในช่วงที่คุณลังเลว่าจะไปจากเขาหรือเปล่า
ช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่ทดสอบคุณทั้งสองได้ดีที่สุด
ลองพิจารณอย่างรอบคอบว่า
จุดบกพร่องของเขา จะนำไปสู่การแตกแยกในที่สุดไหม
หรือเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย
ที่ไม่ตรงกับความสมบูรณ์แบบที่คุณจินตนาการหรือคาดหวังไว้
ถ้าคุณรักเขาจริงๆ
เรื่องดังกล่าวไม่น่าเป็นอุปสรรคมากเท่าใด
และจำเป็นต้องพิจารณาว่าข้อเสียเหล่านี้ จะทำให้ความรักของคุณ
ดำเนินต่อไปได้หรือไม่
ถ้าคุณตัดสินใจที่จะให้โอกาสทั้งสองฝ่ายควรพูดจาเปิดอกกัน
จะมีประโยชน์กว่า
หรือแม้กระทั่งการใช้อารมณ์ขันเข้าช่วยบางครั้ง
หากคิดว่าข้อเสียของเขามากจนกลบข้อดีเกือบหมด
โบกมือลาคงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด


ช่วงที่ 3 : โลกของคนสองคน
เมื่อคุณโชคดีผ่านสองช่วงแรกมาได้ แสดงว่า
ความรักเขาสู่ภาวะที่มั่นคงแล้ว
กลายเป็นโลก ของคนจะนำมาใช้เรียกคุณกับเขาในตอนนี้ และคำว่า
"ฉันรักคุณ" ก็เหมาะกับช่วงนี้เช่นกัน
เขาจะเป็นคู่ครองตัวจริงของคุณ รักและห่วงใยกันเสมอ
มีความใกล้ชิดสนิทสนม
และให้ความอบอุ่นซึ่งกันและกันได้ เป็นเพื่อนที่ดีที่สุด
คนที่คุณอยากจุมพิตเพียงคนเดียว
ระบายความในใจและปรึกษาหารือกันได้
เริ่มวางแผนจะก่อร่างสร้างครอบครัวในอนาคต
ไม่ว่าอุปสรรคใดมาขวางกั้น
ก็พร้อมต่อสู้และเป็นกำลังใจให้กัน
ทว่ามาถึงขั้นนี้ ยังไม่รับประกันว่า
คุณจะครองคู่กันเป็นนิรันดร์ได้
ในช่วงนี้คุณจึงต้องดูว่า เขามีความคิดเข้ากับคุณได้ไหม
รับผิดชอบมากเท่าไร
ยังรักที่จะใช้ชีวิตโสดร่วมกับเพื่อนๆ มากกว่าคุณหรือเปล่า
ถ้าคำตอบในคำถามดังกล่าวยังไม่แน่นอน แสดงว่า
ความสัมพันธ์ยังไม่แน่นแฟ้นพอจะลั่นระฆังวิวาห์ได้
บางครั้งความจริงก็เป็นเรื่องทรมาน แต่ถ้าหลบหนี
มันคุณจะยิ่งเจ็บปวดทวีคูณ
ลางบอกเหตุบางย่าง เช่น การทะเลาะเบาะแว้ง
และสภาพแวดล้อมที่ตึงเครียด
แม้จะทำให้ความสัมพันธ์ของคุณ ตื่นเต้นหรือหวือหวา
แต่ถ้ามีเงาของความรุนแรงแฝงอยู่ตลอด
จนร่องรอยของความปริร้าวที่เริ่มปรากฏการแยกจาก
ควรเป็นหนทางที่น่าพิจารณาด้วยเช่นกัน
เมื่อก้าวเข้าสู่ช่วงที่ 3 แสดงว่า
พื้นฐานความรักคุณเริ่มลงหลักปักฐาน
แต่อย่าเพิ่งวางใจ แม้ว่าคุณจะมีต้นทุนแน่นอนจำนวนหนึ่ง
แต่ถ้าคุณปล่อยไปตามสภาพโดยไม่รดน้ำพรวนดินต้นรัก
ความรักจะจืดจางได้เช่นกัน

แล้วความรักของคุณตอนนี้ล่ะ อยู่ช่วงไหน?

วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2552

''ความรัก'' เปรียบเหมือน ''การเลือกรองเท้า''

รองเท้าแตะมีขายตามร้านทั่วไป
เวลาที่เราไปเห็นก็จะนึกสนใจ
มีคนเสนอขายให้ราคาถูกๆ ก็ไม่เคยคิดจะซื้อ
แต่พอจำเป็นเข้าจริงๆ ก็ต้องไปซื้อมาแก้ขัดก่อนอยู่ดี
..............................................................

รองเท้าบางคู่ใหม่ๆ อาจรู้สึกสบาย
แต่ถ้าใส่นานๆ เข้า อาจจะรู้สึกว่ารองเท้า
คู่นี้ไม่เหมาะกับเรา อยากจะถอดทิ้งเสียเหลือเกิน

...................................................................

รองเท้าบางคู่ลองใส่ที่ร้านแล้วรู้สึกแปลกๆ
อาจมีบ้างที่คับไป หรือ หลวมไป แต่ใครจะรู้
บางทีพอใส่ไปซักพัก หนังอาจจะขยายพอดีกับเท้าของเรา
จนรู้สึกว่าดีเหลือเกินที่ตอนนั้นตัดสินใจเลือกคู่นี้
................................................................

รองเท้าบางคู่ ดูภายนอกอาจตลก
แต่รู้มั๊ยว่าบางทีเมื่อมันมาอยู่คู่กับเท้าของเรา
อาจจะทำให้ทั้งเท้าของเราและรองเท้าดูดีผิดหูผิดตาไป
................................................................

ส่วนรองเท้าคู่ไหนที่เห็นคนอื่นใส่แล้วดูดี
ก็ไม่แน่เสมอไปว่าเมื่อเราใส่แล้วจะดีเหมือนกับที่คนอื่นใส่
.....................................................................

ใครที่มีรองเท้ามากเกินความจำเป็น
เขาเหล่านั้นก็คงจะไม่รู้ว่าคู่ไหนเป็นคู่โปรด
ตราบเมื่อเค้าได้เสียรองเท้าคู่นั้นไป
ซึ่งมันก็อาจจะสายไปเสียแล้วที่จะทวงคืน
...........................................................

แล้วรองเท้าตามโรงแรมล่ะ
รองเท้าสาธารณะเหล่านั้นได้ผ่านเท้า
ของผู้คนมามากมาย บางคู่อาจยังใหม่
บางคู่อาจดูโทรม บางคู่อาจจะนำพาโรคมาสู่ผู้ที่ใส่
แต่รองเท้าสาธารณะเหล่านี้ มีความเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่ง
คือ อยากมากจนเรียกว่าแทบจะไม่มีเลย ที่จะมีคนมาขอซื้อ
เป็นเจ้าของ นอกเสียจากซื้อไว้ดูเล่น
ซึ่งจะไม่มีทางได้สัมผัสความรักระหว่างเจ้าของกับรองเท้า
..................................................................

รองเท้าที่เหมาะกับเรา หาได้ไม่ยาก และไม่ง่าย
แต่ถ้าเดินไปแล้วเจอคู่ที่ถูกใจ ควรรีบตัดสินใจซื้อ
ก่อนที่จะถูกคนอื่นมาตัดหน้าไปก่อน ซึ่งรองเท้าคู่นั้น
อาจจะเป็นคู่เดียวในโลกที่เหมาะกับเรามากที่สุดก็ได้
....................................................................

ส่วนรองเท้าบางคู่ที่ไม่เหมาะกับเรา
ใส่แล้วไม่รู้สึกสบาย อย่าพยายามใส่ต่อไปอีกเลย
มีแต่จะทำให้เราทรมาน และในที่สุดเราก็ต้องโยนมันทิ้งไปอยู่ดี
...................................................................

รองเท้าสมัยใหม่ ดูแล้วเท่ แต่รองเท้าสมัยเก่า
ใส่แล้วก็ดูดีไปอีกแบบ จะสมัยไหนก็ช่าง ขอให้ใส่แล้วสบายที่สุด
เมื่อเจอแล้วควรใส่อย่างถะนุถนอมจะได้อยู่กับเราไปนานเท่านาน....

รองเท้าก็เหมือนความรักเราต้องเลือกสิ่งที่เข้ากับเราได้ดีที่สุด
และถ้าเลือกแล้วก็ต้องดูแลและใส่ใจมันอยู่ตลอดเวลา

วันอังคารที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2552

10 ธันวาคม วันรัฐธรรมนูญ


10 ธันวาคม วันรัฐธรรมนูญ
วันรัฐธรรมนูญ เป็นวันสำคัญทางประวัติศาสตร์อีกวันหนึ่ง ซึ่งตรงกับวันที่ 10 ธันวาคม ของทุกปี

ความหมายของรัฐธรรมนูญ
รัฐธรรมนูญ หมายถึง กฎหมายว่าด้วยระเบียบการปกครองประเทศ

วันรัฐธรรมนูญ ตรงกับ วันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475 เป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานรัฐธรรมนูญราชอาณาจักรสยาม ฉบับถาวร เพื่อเป็นหลักในการปกครองของประเทศให้แก่ประชาชนชาวไทย


ประวัติความเป็นมา

การเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 นับว่ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์การปกครองของชาติไทย เนื่องจากเป็นการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบประชาธิปไตย โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญอันเป็นกฎหมายสูงสุดของ ประเทศ

สาเหตุที่เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง

พระ บาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 แห่งราชวงศ์จักรีทรงมีพระราชประสงค์ที่จะพระราชทานรัฐธรรมนูญ เพื่อเป็นหลักในการปกครองของประเทศให้แก่ประชาชนชาวไทย

หลัง สงครามโลกครั้งที่ 1 เศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก ผลอันนี้ได้กระทบมาถึงไทยด้วย พระองค์ได้แก้ไขเศรษฐกิจโดยปลดข้าราชการออก ยังความไม่พอใจในหมู่ข้าราชการ

อิทธิพลจากตะวันตกเกี่ยวกับอุดมการทางการเมือง ทำให้กลุ่มคนหนุ่มต้องการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน

รัฐบาลได้ออกกฏหมายเก็บภาษี อาทิ ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน จากราษฎร


จากสาเหตุดังกล่าวข้างต้น ทำให้เกิดความไม่พอใจในหมู่ข้าราชการทหาร และราษฎรทั่วไปจึงทำให้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง โดยการปฏิวัติ มีคณะผู้รักษาการพระนครฝ่ายทหาร ซึ่งประกอบด้วยพันเอก พระยาพหลพยุหเสนา พันเอกพระยาทรงสุรเด และพันเอกพระฤทธิอาคเนย์ เป็นผู้บริหารประเทศ

วันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ได้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราวเรียกว่า "พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว" สาระ สำคัญของธรรมนูญการปกครองฉบับนี้ได้แก่ การที่กำหนดว่าอำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศหรืออำนาจอธิปไตยเป็นของราษฎร ทั้งหลาย การใช้อำนาจสูงสุดก็ให้มีบุคคลคณะบุคคลเป็นผู้ใช้อำนาจแทนราษฎรดังนี้ คือ

พระมหากษัตริย์
สภาผู้แทนราษฎร
คณะกรรมการราษฎร
ศาล

ลักษณะ การปกครองแม้จะเปลี่ยนระบอบการปกครองมาเป็นประชาธิปไตยแต่ก็ถือว่าพระมหา กษัตริย์เป็นประมุขของประเทศ เป็นสถาบันที่ถาวรและมีการสืบราชสมบัติต่อไปในพระราชวงศ์ การปฏิบัติราชการต่างๆ จะต้องมีกรรมการราษฎรผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ โดยได้รับความยินยอมจากคณะกรรมการราษฎรจึงจะใช้ได้

สถาบันที่เกิดใหม่คือ สภาผู้แทนราษฎรซึ่งมีอำนาจทางนิติบัญญัติออกกฎหมายต่างๆ ซึ่งเมื่อพระมหากษัตริย์ลงพระปรมาภิไธยประกาศใช้แล้วจึงมีผลบังคับได้ เหตุนี้ในระยะแรกของการเปลี่ยนแปลงการปกครอง สภาผู้แทนจึงเป็นสถาบันที่มีอำนาจสูงสุดในทางการเมือง ส่วนการใช้อำนาจตุลาการยังคงให้ศาลยุติธรรมที่มีอยู่แล้วพิจารณาพิพากษาคดี ให้เป็นไปตามกฎหมายได้ตามเดิม


รัฐธรรมนูญ


กระทั่ง ถึง วันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานรัฐธรรมนูญราชอาณาจักรสยาม ฉบับถาวร ซึ่งมีหลักการต่างกับฉบับแรกในวาระสำคัญหลายประการ อาทิได้เปลี่ยนระบอบการปกครองเป็นการปกครองแบบรัฐสภา ทั้งนี้เนื่องจากรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2475 ได้บัญญัติให้พระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นประมุขไม่ต้องรับผิดชอบทางการเมืองเป็นผู้ใช้อำนาจทางคณะรัฐมนตรี

ซึ่งพระมหากษัตริย์ ทรงแต่งตั้งให้บริหารราชการแผ่นดิน แต่คณะรัฐมนตรีจะต้องรับผิดชอบในการบริหารราชการแผ่นดินต่อสภาผู้แทน รัฐสภาซึ่งเป็นฝ่ายนิติบัญญัติมิได้ใช้แต่เพียงอำนาจนิติบัญญัติเท่านั้น แต่มีอำนาจที่จะควบคุมคณะรัฐมนตรีในการบริหารแผ่นดินด้วย แต่อย่างไรก็ตาม คณะรัฐมนตรีรวมทั้งพระมหากษัตริย์ซึ่งประกอบกันเป็นรัฐบาลก็มีอำนาจที่จะยุบ สภาผู้แทนได้


รัฐธรรมนูญ



หากเห็นว่าได้ดำเนินการไปในทางที่จะเป็นภัยหรือเสื่อมเสียผลประโยชน์สำคัญ ของรัฐที่มีผลเท่ากับถอดถอนสมาชิกสภาที่ได้รับเลือกตั้งมาเพื่อให้ราษฎร เลือกตั้งใหม่ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์นั้นได้บัญญัติว่าพระมหากษัตริย์ดำรง อยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้้

รัฐ ธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ เป็นเครื่องกำหนดระเบียบแบบแผนของสังคม เพื่อเป็นการระลึกถึงรัฐธรรมนูญฉบับแรก อันเป็นฉบับถาวร และพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานให้กับปวงชนชาวไทย ทางราชการจึงกำหนด วันที่ 10 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันรัฐธรรมนูญ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

- สำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยรามคำแหง
- มหาวิทยาลัยกรุงเทพ


วันพฤหัสบดีที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2552

บอก... รักพ่อ ทำไมต้องเดี๋ยว?

วัน พ่อแห่งชาติ วันพ่อ 5 ธันวาคม มาถึงแล้ว วันนี้เรามี เรียงความวันพ่อ บทความวันพ่อ คำขวัญวันพ่อ การ์ดวันพ่อ และบทความอื่นๆ เกี่ยวกับ พ่อ ใน วันพ่อ มาฝากค่ะ ซึ่งวันนี้ บทความวันพ่อ เรียงความวันพ่อ กลอนวันพ่อ คำขวัญวันพ่อ เป็นเรื่อง บอก...รักพ่อ ทำไมต้องเดี๋ยว? อยากรู้ว่าวิธีบอกรักพ่อมีแบบไหนบ้างต้องดูที่นี่


"วันพ่อ" หลายคนที่หลงใหลใฝ่ฝันไปตามกระแสทุนนิยม คิดไกลไปถึงของขวัญชิ้นใหญ่ หรือไม่ก็ใบหุ้นชั้นดี ที่จะมีให้เป็นของขวัญกับพ่อบังเกิดเกล้า ขณะที่ของขวัญล้ำค่าที่คนเป็นพ่อส่วนใหญ่ต้องการ ไม่ได้มีอะไรมากมาย ขอแค่ได้ยินคำว่า "รักพ่อ" คำสั้นๆ แต่ดูเหมือนจะกลั่นออกมาจากปากของบรรดาลูกๆ ยากเย็นเหลือเกิน !

การบอกรักพ่อในอดีต

ในเมืองไทย วันพ่อแห่งชาติ จัดให้มีขึ้นครั้งแรก เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2523 โดยคุณหญิงเนื้อทิพย์ เสมรสุต นายกสมาคมผู้อาสาสมัครและช่วยการศึกษาเป็นผู้ริเริ่ม ด้วยเหตุผลว่า "พ่อ" เป็นบุคคลผู้มีพระคุณและมีบทบาทสำคัญต่อครอบครัวและสังคม สมควรที่ผู้เป็นลูกจะเคารพเทิดทูนและตอบแทนพระคุณด้วยความกตัญญู และสังคมควรที่จะยกย่องให้เกียรติรำลึกถึงผู้เป็นพ่อ และครั้งนั้นได้ยึดถือเอาวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปีเป็น "วันพ่อแห่งชาติ"

วันพ่อในยุคแรกๆ นั้น การแสดงออกความรักของลูกต่อพ่อยังเป็นไปในทางเคารพเทิดทูน มอบของขวัญ หรืออยู่ใกล้ชิดกันพร้อมหน้าครอบครัว หรือไม่ก็เขียนคำว่า รัก ผ่านทางบัตรอวยพรบอกความในใจ
ส่วนการ "บอกรักพ่อ" ด้วยปาก...ว่ากันว่าเป็นเรื่องทำได้ยาก เพราะตามธรรมเนียมประเพณีปฏิบัติที่ยึดถือต่อๆ กันมา พ่อกับลูกในสังคมไทยห่างไกลกันพอควร

...แต่ในยุคหลังๆ ครอบครัวไทยมีลักษณะเป็นสังคมพ่อเดียวแม่เดียว ท่าทีของลูกกับพ่อจึงเริ่มเปิดเผยและใกล้ชิดกันมากขึ้น!

ก็คำว่ารักพ่อนั้นพูดยาก แต่หากพูดออกมาได้ คุณค่าของคำสั้นๆ นี้จะอยู่ในใจพ่อของคุณไปอีกนาน ชนิดที่เงินพันล้านยังมีค่าไม่เทียบเทียม!

ฉะนั้นวันพ่อปีนี้ เอ่ยคำว่า "รักพ่อ" ให้พ่อชื่นใจกันเถอะ บอกซะวันนี้ วันที่ยังมีโอกาส!!!

วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เคล็ดลับดี ๆ ในการเติมเต็มความรักให้คนรอบข้าง




‘ความ รัก’ คืออะไร ‘ความรัก’ มีหน้าตาอย่างไร และ ทำไม ‘ความรัก’ ถึงทำให้เรามีความสุข ยิ้มได้เมื่ออยู่คนเดียว แต่ในบางครั้ง ‘ความรัก’ ก็มักแกล้งให้เราร้องไห้อยู่บ่อยๆ แล้วความรักในแบบฉบับของคุณเป็นแบบไหน

บาง ครั้งความเคยชิน ทำให้เราลืมที่จะแสดงความรักกับคนรัก หรือคนในครอบครัวไปชั่วขณะ ‘วาเลนไทน์’ นี้ ‘เดลินิวส์ออนไลน์’ จึงมีเคล็ดลับดีๆ ในการเติมเต็มความรักให้กับคนรอบข้างของคุณมาฝาก

ความรักแบบ ‘เพื่อน’

สำหรับ คำว่า ‘เพื่อน’ นั้น หมายถึงคนที่จะอยู่ข้างคุณตลอดเวลาไม่ว่าเราจะสุข หรือทุกข์ และหากได้เลื่อนขั้นเป็นเพื่อนแท้แล้วล่ะก็ เขาจะปรี่ไปหาคุณทันทีที่คุณต้องการความช่วยเหลือ และยิ่งในช่วงวันแห่งความรักนี้ คนที่ยังไม่มีคู่ ‘เพื่อน’ มักจะมาอยู่ข้างคุณ ทำให้คุณไม่เหงาในช่วงวันพิเศษแบบนี้

ส่วนการ ที่จะบอกรักเพื่อนสักครั้ง หลายคนอาจจะเขิน หรือคิดว่ามันไม่จำเป็น แต่เมื่อยามใดที่เรารู้สึกกำลังเผชิญกับปัญหาอยู่ แล้วได้ยินเพื่อนบอกว่า ‘ฉันจะอยู่ข้างแกนะ’ แม้จะเป็นคำที่ไม่สวยหรู แต่บางครั้ง คำพูดเหล่านั้นก็เป็นกำลังใจชั้นเยี่ยม ที่จะทำให้เราต่อสู้กับปัญหาต่างๆ ที่กำลังเผชิญอยู่ได้

ถ้ายังไม่กล้าพูดว่ารักเพื่อน ลองส่งเป็นข้อความผ่านทางโทรศัพท์มือถือดูสิ ไม่แน่ว่า เพื่อนของคุณอาจจะตอบข้อความเด็ดๆ กลับมาทำให้คุณยิ้มออกมาก็ได้


ความรักแบบ ‘หนุ่ม - สาว’

เป็น ความรักที่หลายคนกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ ซึ่งบางคู่อาจจะอยู่ไกลกัน หรือบางคู่อาจจะใกล้กันแค่เอื้อม แต่ไม่มีเวลาแม้แต่จะคุย ลองทำตามวิธีเหล่านี้ดู เผื่อจะช่วยให้คู่ของคุณคลิกกันลงตัวมากขึ้น

วิธีแรก สำหรับสาวๆ ที่ต้องการจะบอกรักหนุ่มของคุณ ลองส่งข้อความแบบ Voice mail บอกความในใจ ไปหาสุดที่รักของคุณดู เผื่อเค้าจะเผลอยิ้มออกมาให้คุณเห็นบ้าง หรือถ้าอยู่ใกล้กันมาก ลองใช้วิธีเดิมๆ ส่งพัสดุ ที่ข้างในบรรจุสิ่งของที่เป็นความทรงจำระหว่างคุณทั้งสองลงไป เพื่อย้ำเตือนว่า ความทรงจำเกี่ยวกับความรักของคุณทั้งสอง ยังไม่ลบเลือน หรือจางลงเลย

หรือถ้าเป็นสาวๆ ที่รักในการทำอาหารเป็นที่สุด ลองชวนคู่ของคุณมาช่วยกันทำอาหารดูสิ แต่ถ้าจะให้ดี ต้องเป็นเมนูที่ฝ่ายชายโปรดสุดๆ พร้อมทานอาหารภายใต้แสงเทียน ที่เคล้าคลอด้วยดนตรีบรรเลงเบาๆ

สำหรับชายหนุ่ม ลองชวนคู่ของคุณไปดูหนังโรแมนติก กินข้าวในร้านอาหารที่บรรยากาศดี ๆ หรือพากันไปในที่ที่เป็นความทรงจำของคุณทั้งคู่ อย่าง สถานที่ที่เคยบอกรักครั้งแรก แล้วสมมุติเหตุการณ์ในวันนั้น ลองบอกรักกันอีกสักครั้ง รับลองโรแมนติกไม่แพ้ครั้งก่อนแน่ๆ

หรือ จะลองเขียนจดหมายบอกความในใจที่มีทั้งหมดลงไป แล้วนำไปแนบไว้ที่โต๊ะทำงาน ในกระเป๋าถือของแฟนคุณ หรือในที่ที่คิดว่าเขาจะเห็นได้ง่ายๆ และหยิบขึ้นมาอ่านอย่างสนใจ รับรองว่าเธอจะซาบซึ้งกับคำรักหวานๆ ของคุณแน่นอน

อ้อ! ขอบอกความต้องการของสาวๆ ส่วนใหญ่สักหน่อย เมื่อถึงวันวาเลนไทน์ การรอคอยกุหลาบสีแดง ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความรัก มักจะเป็นสิ่งที่พวกเธอต้องการอยู่ลึกๆ ข้างในหัวใจ จะมีเพียงดอกเดียว หรือว่าจะเป็นช่อใหญ่ขนาดไหนแค่ไหนไม่สำคัญ แค่คนที่ให้ใส่ความจริงใจลงไปเท่านั้น


ความรักแบบ ‘ครอบครัว’

ความรักแบบที่ว่านี้ หมายรวมถึง คู่หนุ่ม - สาวที่เพิ่งจะแต่งงาน และคู่ที่แต่งงานกันมานานจนมีพยานแห่งรักแล้ว ซึ่งการอยู่บ้านเดียวกัน เจอกันทุกวัน อาจจะทำให้อีกฝ่ายละเลยที่จะแสดงความรักออกมา ซึ่งเป็นสิ่งที่สร้างความน้อยอกน้อยใจให้อีกฝ่ายได้

สำหรับ คู่รักที่อยู่บ้านเดียวกันแบบนี้ การแสดงความรักในแบบต่างๆ ยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่ แค่ลองสร้างตารางความรักของคุณทั้งสองขึ้นมา อย่างเช่น วันจันทร์มีนัดกันไปทานข้าวเย็น ในอังคารต้องพากันไปดูหนัง ฯลฯ ทั้งนี้และทั้งนั้น ต้องเป็นกิจกรรมที่คุณทั้งคู่เต็มใจทำร่วมกัน

หรือ คู่ไหนที่มีพยานรักแล้ว ลองฝากลูกไว้กับคุณปู่ คุณย่า แล้วหนีไปเที่ยวต่างจังหวัดกันสองคนดูบ้างก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นทะเล ภูเขา หรือน้ำตก และใช้เวลาที่อยู่กันสองคนให้คุ้มค่า นั่งย้อนความหวานตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ จนถึงวันที่ขอแต่งงานดู รอยยิ้มที่จะปรากฏบนหน้าของคุณทั้งสอง จะกว้างขึ้น กว้างขึ้น ไม่เชื่อลองดูสิ

แต่ หากว่ามีลูกเล็ก ไปไหนไกลไม่ได้ ลองหาซีดีหรืออัลบั้มรูปวันงานแต่งงานของคุณและเขา มาเปิดดูด้วยกันอีกครั้ง จะทำให้คุณได้ย้อนไปนึกถึงคืนวันที่มีความสุข และรักกันหวานซึ้ง

สุดท้ายแล้ว ความรักต้องการการฝึกฝน ความหวังทั้งหลายไม่อาจเป็นจริงได้เพียงการกระทำอย่างเดียว จะต้องผ่านความพยายามและความมาดมั่นเสียก่อน ต้องอาศัยพฤติกรรมแห่งรัก ทำบ่อยๆ เมื่อผ่านความพยายามครั้งแล้วครั้งเล่า ความรักของคุณก็จะบานและหวานฉ่ำตลอดไป.

วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

มองต่างมุม...




































วันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เ ว ล า กั บ น า ฬิ ก า --> แ ต ก ต่ า ง แ ต่ เ ติ ม เ ต็ ม

แปลกมั๊ย..ใคร ๆ ก็คิดว่าเวลากับนาฬิกาเป็นสิ่งที่คู่กันเสมอจริง ๆ แล้ว
มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นซักหน่อย


เวลา... เดินไปข้างหน้า
นาฬิกา.. เดินอยู่ที่เก่า

เวลา.. เราไม่อาจย้อนกลับ
นาฬิกา.. เราหมุนย้อนมันได้

เวลา.. เมื่อสูญเสียไปแล้วไม่อาจเรียกร้องคืน
นาฬิกา.. เสียก็ซ่อม หรือซื้อใหม่ไปเลย

เวลา.. ได้มาฟรีๆ ไม่ต้องแลกกะอะไร
นาฬิกา.. ยิ่งสวยยิ่งแพง ใช้เงินซื้อมันมาทั้งนั้น

แล้วอย่างนี้ มันจะคู่กันได้ยังไง ในเมื่อมันแตกต่างกันเหลือเกิน


แต่ถามหน่อย.. ถ้าไม่มีนาฬิกา จะรู้เวลามั๊ย
หรือถ้ามีแต่นาฬิกา แต่ไม่รู้จักเวลา จะมีประโยชน์อะไร


ถึง 2 สิ่งจะแตกต่างกัน แต่ถ้ามันจะคู่กันแล้ว
ย่อมมีจุดร่วมกันเสมอ เพียงแต่จะมองเห็นมันรึป่าว?

ฉันกับเค้า.. อาจไม่มีอะไรเหมือนกัน

ฉันกับเค้า.. มีความคิด และวิถีชีวิตที่ต่างกัน

ฉันกับเค้า.. อาจเดินกันคนละเส้นทาง

ฉันกับเค้า.. อาจมีความฝันที่ห่างไกลกัน

ฉั.. อาจเหมือนกับเวลา ที่ชอบเดินไปข้างหน้า หาสิ่งใหม่ๆที่ท้าทาย โดยทิ้งหลายสิ่งไว้ข้างหลัง

เค้า.. อาจเหมือนกับนาฬิกา ที่ยังเป็นแบบเดิมๆ ใช้ชีวิตและทำหน้าที่ไปเรื่อยๆ ในมุมเก่าๆ

ฉันอาจไม่พบกับเค้าเลย ถ้าฉันยังดึงดันจะมองแต่ข้างหน้า

ฉันอาจไม่พบกับเค้าเลย ถ้าฉันไม่มองไปข้างหลัง

เค้ายังไม่เห็นฉัน เพราะเขายังอยู่แบบเดิมๆ

เค้ายังไม่เห็นฉัน เพราะเขายังก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ของเขาไป

แต่ฉันยังเฝ้ามอง เฝ้ารอความแตกต่าง อาจสร้างกำแพงบังเค้าไว้

แต่ฉันยังเชื่อมั่น ว่าซักวัน สิ่งนั้นน่ะแหละ ที่จะเชื่อมโยงใจเราเข้าหากัน

ความแตกต่าง จะเติมเต็มส่วนที่เราขาดหาย

และสุดท้ายก็จะเหลือเพียงแค่คำว่า..**กันและกัน **

วันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

WHY...

บอกกับตัวเองว่าจะเลิกทำบางอย่าง ...
... แต่ก็ไม่เห็นว่าจะเลิกได้อย่างที่พูด

เคยคิดจะไว้ผมยาว อยากให้ยาวถึงกลางหลัง ...
... แต่ยาวไม่เท่าไหร่ก็ตัด เพราะรำคาญ

เคยคิดวางแผนจะทำโน่นทำนี่ให้กับชีวิตตัวเอง ...
... แต่ก็ไม่เคยทำได้ซักครั้ง

ชอบใครคนหนึ่ง รู้ว่ามาเป็นแฟนกันไม่ได้ ...
... แต่บางครั้งก็ยังแอบหวังอยู่เล็กน้อย

เหมือนจะรู้จักตัวเองดีกว่าใครๆ ...
... แต่บางครั้งต้องถามคนอื่นว่าเราเป็นยังไง

เหมือนจะเป็นตัวของตัวเองมาก ...
... แต่ที่จริงทุกสิ่งไม่ใช่เรา

รำคาญคนบางคน ...
... ทั้งที่เขาดีกับเราจะตาย

เหมือนจะรู้ใจ เข้าใจ ...
... แต่บางครั้งเหมือนไม่เป็นอย่างนั้น

อยากสวย ...
... ทำไมมันไม่สวย (ก็ไอ้กระจกเฮงซวย ส่องแล้วไม่สวยแบบเนี้ย)

บางครั้งอยากรอ ...
... แต่ก็ไม่อยากให้นานนัก

อยากบอกให้รู้ว่าคิดยังไง ...
... ก็ได้แต่เก็บไว้ข้างในไม่กล้าบอก

อยากทำอะไรดีๆให้ใครซักคน ...
... แต่เขาไม่อยู่ให้เราได้ทำอะไรให้แล้ว

อยากย้อนเวลากลับไปทำสิ่งดีๆ ...
... แต่เราไม่มีเครื่องย้อนเวลา

อยากได้ A ...
... แต่ขี้เกียจอ่านหนังสือ

อยากวางความเกลียด ...
... แต่พอเห็นมันแล้ววางไม่ลง

อยากเป็นคนที่ใครๆ ก็รัก ใครๆ ก็คิดถึง ...
... แต่ดันทำตัวให้คนอื่นเกลียด

ร้องขอความเห็นใจ ความรัก ความเอาใจใส่ ...
... แต่ไม่เคยดูว่าคนอื่นเขามีให้รึเปล่า

มีความรักให้คนอื่นเสมอ ...
... แต่ไม่เคยรักตัวเอง

บอกว่าอย่าบอกใคร ...
... แต่ก็บอกเองทุกที คนอื่นๆ เขาคงรู้กันหมดละมั้ง
.... มันเกิดขึ้นเรื่อยๆ และเกิดต่อไป ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อไหร่จะสิ้นสุด

Playlist


MusicPlaylistRingtones
Create a playlist at MixPod.com